Home>gold-shop-inventory-management-guide

เจ้าของร้านทองควรรู้: บริหารสต๊อกทองคำให้มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง

การบริหารสต๊อกทองคำ - เจ้าของร้านทองกำลังตรวจสอบสต๊อกทองแท่งและเครื่องประดับทองในตู้เซฟ

คู่มือสำหรับเจ้าของร้านทองในการบริหารสต๊อกทองคำอย่างมืออาชีพ เรียนรู้วิธีลดความเสี่ยงด้านราคา ระบบรักษาความปลอดภัย การนับสต๊อกที่ถูกต้อง และเทคนิคเพิ่มกำไรจากกรณีศึกษาจริง

22/09/2568 08:32 น.

ธุรกิจร้านทองมีความพิเศษที่แตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ เพราะสินค้าที่จำหน่ายคือทองคำ ซึ่งมีมูลค่าสูง ราคาผันผวนตลอดเวลา และมีความเสี่ยงในหลายด้าน การบริหารสต๊อกทองคำจึงต้องใช้ความรู้เฉพาะและระบบที่เหมาะสม

 

หากคุณเป็นเจ้าของร้านทองหรือกำลังคิดจะเปิดร้านทอง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการบริหารสต๊อกทองคำอย่างมืออาชีพ ลดความเสี่ยง และเพิ่มกำไรอย่างยั่งยืน

 

ความพิเศษของการบริหารสต๊อกทองคำ

 

ลักษณะเฉพาะของทองคำที่ต่างจากสินค้าทั่วไป

1. มูลค่าสูงต่อหน่วย

  • ทองคำ 1 บาท มีมูลค่าหลักหมื่นบาท
  • ความเสี่ยงการสูญหายสูงมาก
  • ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด

 

2. ราคาผันผวนตลอดเวลา

  • ราคาทองคำเปลี่ยนแปลงทุกวัน บางครั้งหลายครั้งต่อวัน
  • กำไรขาดทุนขึ้นอยู่กับจังหวะซื้อ-ขาย
  • ต้องติดตามราคาตลาดอย่างใกล้ชิด

 

3. สินค้าที่ไม่เสื่อมสลาย

  • ทองคำไม่มีวันหมดอายุ
  • แต่แฟชั่นและรูปแบบอาจล้าสมัย
  • น้ำหนักและความบริสุทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง

 

ความท้าทายในการบริหารสต๊อกทองคำ

ความเสี่ยงด้านราคา (Price Risk)

  • ราคาทองคำขึ้น-ลงกะทันหัน
  • การถือสต๊อกมากเกินไปอาจขาดทุนเมื่อราคาตก
  • การถือสต๊อกน้อยเกินไปอาจเสียโอกาสขายเมื่อราคาขึ้น

 

ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Security Risk)

  • เป้าหมายของขโมยและโจรกรรม
  • ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี
  • ค่าประกันภัยสูง

 

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk)

  • เงินทุนมัดติดในสต๊อกมูลค่าสูง
  • ยากต่อการขายทิ้งเมื่อต้องการเงินด่วน
  • ต้องการแหล่งเงินทุนสำรองเพียงพอ

 

หลักการพื้นฐานการบริหารสต๊อกทองคำ

 

การแบ่งประเภทสต๊อกทองคำ

1. ทองแท่ง

  • สต๊อกหลักที่มีสภาพคล่องสูง
  • ซื้อ-ขายได้ง่าย ราคาตามตลาด
  • ความเสี่ยงด้านแฟชั่นต่ำ

 

2. ทองรูปพรรณ

  • เครื่องประดับทองแต่งตัว
  • มีค่าแรงในการทำ
  • ความเสี่ยงด้านแฟชั่นสูงกว่า

 

3. ทองเก่า/ทองซื้อคืน

  • ทองที่รับซื้อจากลูกค้า
  • ต้องประเมินราคาให้ถูกต้อง
  • อาจต้องหลอมใหม่หรือขายต่อ

 

การคำนวณมูลค่าสต๊อกที่ถูกต้อง

สูตรพื้นฐาน:

 

มูลค่าสต๊อก = (น้ำหนักทองคำ × ราคาทองคำวันนั้น) + มูลค่าค่าแรง

 

ตัวอย่างการคำนวณ:

  • ทองแท่ง 10 บาท × ราคาทองคำ 30,000 บาท = 300,000 บาท
  • แหวนทอง 2 บาท × 30,000 + ค่าแรง 5,000 = 65,000 บาท

 

การปรับปรุงมูลค่าสต๊อกประจำวัน:

  • ใช้ราคาทองคำปัจจุบัน
  • คำนวณกำไร/ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงราคา
  • ปรับปรุงบัญชีให้สะท้อนมูลค่าจริง

 

ระบบการจัดการสต๊อกทองคำที่มีประสิทธิภาพ

 

การบันทึกข้อมูลสต๊อกอย่างละเอียด

 

การบันทึกข้อมูลสต๊อกอย่างละเอียด

ข้อมูลที่ต้องบันทึกทุกชิ้น:

  • รหัสสินค้า - เพื่อการติดตาม
  • ประเภท - แท่ง/รูปพรรณ/เครื่องประดับ
  • น้ำหนัก - บาท กรัม สลึง
  • ความบริสุทธิ์ - 96.5%, 90%, 75%
  • ราคาทุน - ราคาที่ซื้อมา
  • ราคาขาย - ราคาที่ตั้งขาย
  • วันที่ซื้อ - เพื่อติดตามอายุสต๊อก
  • ผู้จำหน่าย - แหล่งที่มา
  • สถานที่เก็บ - ตู้เซฟไหน ชั้นไหน

 

การจัดการประเภทสต๊อกแยกตามกลุ่ม

ทองแท่ง:

  • เก็บแยกตามขนาด (1/2 บาท, 1 บาท, 2 บาท, 5 บาท, 10 บาท)
  • แยกตามแบรนด์/โรงกลั่น
  • ติดป้ายขนาดและน้ำหนักชัดเจน

 

ทองรูปพรรณ:

  • แยกตามประเภท (แหวน สร้อย กำไล ต่างหู)
  • จัดกลุ่มตามน้ำหนัก
  • แยกตามลายแบบ/ยุคสมัย

 

เครื่องประดับพิเศษ:

  • ของสั่งทำพิเศษ
  • ของโบราณมีค่า
  • ของที่มีอัญมณี

 

การใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการสต๊อก

ระบบ POS เฉพาะร้านทอง:

  • คำนวณราคาทองคำอัตโนมัติ
  • อัพเดทราคาตลาดแบบ real-time
  • ติดตามสต๊อกตามน้ำหนักและมูลค่า

 

ระบบบาร์โค้ด/QR Code:

  • สร้างรหัสเฉพาะทุกชิ้น
  • สแกนเพื่อดูข้อมูลครบถ้วน
  • ลดความผิดพลาดในการนับสต๊อก

 

ระบบกล้องวงจรปิด:

  • ติดตามการเคลื่อนไหวสต๊อก
  • บันทึกหลักฐานการขาย
  • ช่วยในการตรวจสอบและตรวจสอบ

 

กลยุทธ์การซื้อสต๊อกอย่างชาญฉลาด

 

การวิเคราะห์ตลาดและจังหวะการซื้อ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ:

  • เศรษฐกิจโลก - ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย
  • ความไม่แน่นอนทางการเมือง - สงคราม วิกฤตการเมือง
  • ค่าเงินดอลลาร์ - ทองคำมีความสัมพันธ์ผกผันกับดอลลาร์
  • อุปสงค์อุปทาน - ความต้องการซื้อทองคำของนักลงทุน
  • ฤดูกาล - เทศกาลงานแต่ง วันมงคล

 

กลยุทธ์การซื้อสต๊อก:

1. การซื้อแบบ Dollar Cost Averaging (DCA)

  • ซื้อสต๊อกเป็นงวดๆ สม่ำเสมอ
  • ลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคา
  • เหมาะกับร้านใหม่หรือเงินทุนจำกัด

 

2. การซื้อตามฤดูกาล

  • เพิ่มสต๊อกก่อนเทศกาลสำคัญ
  • ลดสต๊อกในช่วงที่ขายช้า
  • วิเคราะห์ประวัติการขายปีก่อน

 

3. การซื้อตามแนวโน้มราคา

  • ซื้อเพิ่มเมื่อราคาลดลงต่อเนื่อง
  • ระงับการซื้อเมื่อราคาสูงผิดปกติ
  • มีแผนรับมือกับการผันผวน

 

การจัดสรรสต๊อกให้สมดุล

สัดส่วนสต๊อกที่แนะนำ:

  • ทองแท่ง 60-70% - สภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำ
  • ทองรูปพรรณ 20-30% - กำไรสูงกว่า แต่มีความเสี่ยง
  • สต๊อกพิเศษ 5-10% - ของมีค่า ของสะสม

 

การปรับสัดส่วนตามสถานการณ์:

  • เพิ่มทองแท่งเมื่อตลาดผันผวน
  • เพิ่มทองรูปพรรณเมื่อตลาดมั่นคง
  • รักษาเงินสดไว้ 10-20% ของมูลค่าสต๊อก

 

การลดความเสี่ยงในการบริหารสต๊อก

 

การป้องกันความเสี่ยงด้านราคา (Price Hedging)

1. การทำสัญญา Forward

  • ล็อคราคาขายในอนาคต
  • ลดความเสี่ยงจากราคาที่ตกลง
  • เหมาะกับการสั่งซื้อจำนวนมาก

 

2. การประกันภัยสต๊อก

  • คุ้มครองการสูญหาย ไฟไหม้ ขโมย
  • คุ้มครองการเปลี่ยนแปลงราคา (ถ้ามี)
  • คำนวณเบี้ยประกันให้คุ้มค่า

 

3. การกระจายความเสี่ยง

  • ไม่ซื้อทองจากแหล่งเดียว
  • ไม่เก็บทองไว้ที่เดียว
  • มีแผนสำรองหลายรูปแบบ

 

ระบบรักษาความปลอดภัยสต๊อก

การรักษาความปลอดภัยกายภาพ:

ตู้เซฟและที่เก็บ:

  • ตู้เซฟที่ได้มาตรฐานสากล
  • ระบบล็อคหลายชั้น
  • การติดตั้งที่มั่นคงแข็งแรง

 

ระบบรักษาความปลอดภัยอิเล็กทรอนิกส์:

  • กล้องวงจรปิดครอบคลุมทุกพื้นที่
  • ระบบแจ้งเตือนการบุกรุก
  • ระบบควบคุมการเข้าออก

 

การประกันภัย:

  • ประกันร้านค้า (Property Insurance)
  • ประกันการโจรกรรม (Theft Insurance)
  • ประกันความเสียหายจากอัคคีภัย

 

การควบคุมการเข้าถึงสต๊อก

การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง:

  • เจ้าของร้าน: เข้าถึงได้ทุกอย่าง
  • ผู้จัดการ: เข้าถึงข้อมูลและสต๊อกทั่วไป
  • พนักงาน: เข้าถึงเฉพาะที่จำเป็น

 

การตรวจสอบและถ่วงดุล:

  • ระบบ 4 ตา (Two-person integrity)
  • การนับสต๊อกโดยคนละคน
  • การตรวจสอบแบบสุ่ม

 

การนับสต๊อกและตรวจสอบความถูกต้อง

 

วิธีการนับสต๊อกทองคำ

การเตรียมการก่อนนับสต๊อก:

  • กำหนดวันเวลาที่เหมาะสม
  • เตรียมอุปกรณ์การชั่ง
  • เตรียมเอกสารบันทึกข้อมูล
  • แจ้งให้ทีมงานทราบ

 

ขั้นตอนการนับสต๊อก:

  1. แยกประเภทสินค้า - นับทีละประเภท
  2. ชั่งน้ำหนักแต่ละชิ้น - บันทึกน้ำหนักแท้จริง
  3. ตรวจสอบความบริสุทธิ์ - ใช้เครื่องทดสอบ
  4. บันทึกข้อมูล - ลงในระบบทันที
  5. เปรียบเทียบกับระบบ - หาความแตกต่าง
  6. ตรวจสอบความผิดพลาด - หาสาเหตุและแก้ไข

 

การจัดการความผิดพลาดในสต๊อก

สาเหตุที่ทำให้สต๊อกไม่ตรง:

  • การบันทึกข้อมูลผิดพลาด
  • การชั่งน้ำหนักไม่แม่นยำ
  • การขายแล้วไม่ได้บันทึกในระบบ
  • การสูญหายหรือเสียหาย

 

วิธีแก้ไขปัญหา:

  1. ตรวจสอบเอกสาร - ดูใบเสร็จ บิลซื้อ-ขาย
  2. ตรวจสอบระบบ - หาข้อมูลที่อาจจะพลาด
  3. สอบถามพนักงาน - ถามเหตุการณ์ที่ผิดปกติ
  4. ปรับปรุงระบบ - แก้ไขให้ถูกต้อง

 

การวิเคราะห์และรายงานสต๊อก

 

รายงานที่ควรมีประจำ

รายงานรายวัน:

  • มูลค่าสต๊อกตามราคาตลาด
  • การซื้อ-ขายประจำวัน
  • กำไรขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงราคา
  • สต๊อกคงเหลือแต่ละประเภท

 

รายงานรายสัปดาห์:

  • แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสต๊อก
  • การวิเคราะห์การขาย
  • ความเคลื่อนไหวของสต๊อกช้า
  • การเปรียบเทียบกับเป้าหมาย

 

รายงานรายเดือน:

  • การวิเคราะห์ ROI ของสต๊อก
  • อัตราการหมุนเวียนสต๊อก
  • ประสิทธิภาพการจัดการสต๊อก
  • แผนการปรับปรุงระบบ

 

การใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจ

ตัวชี้วัดสำคัญ (KPIs):

1. อัตราการหมุนเวียนสต๊อก (Inventory Turnover)

 

อัตราการหมุนเวียน = ต้นทุนขาย ÷ มูลค่าสต๊อกเฉลี่ย

 

  • อัตราสูง = การจัดการดี สต๊อกไม่ค้าง
  • อัตราต่ำ = สต๊อกค้างนาน เสี่ยงขาดทุน

2. วันคงคลังเฉลี่ย (Days in Inventory)

 

วันคงคลัง = 365 ÷ อัตราการหมุนเวียนสต๊อก

 

  • ร้านทองควรมี 30-60 วัน
  • มากเกินไป = เงินทุนมัดติด
  • น้อยเกินไป = เสี่ยงขาดสินค้าขาย

3. อัตรากำไรสต๊อก (Inventory Profit Margin)

 

อัตรากำไร = (ราคาขาย - ราคาทุน) ÷ ราคาทุน × 100

 

เทคนิคขั้นสูงสำหรับร้านทองขนาดใหญ่

 

การใช้ระบบ ERP เฉพาะร้านทอง

ฟีเจอร์ที่ควรมีในระบบ ERP:

  • การจัดการสต๊อกหลายสาขา
  • การเชื่อมต่อกับระบบธนาคาร
  • การวิเคราะห์ลูกค้าและการขาย
  • การจัดการซื้อขายออนไลน์
  • การรายงานตามมาตรฐานบัญชี

 

การบริหารสต๊อกแบบ Just-In-Time (JIT)

หลักการ JIT สำหรับร้านทอง:

  • ซื้อสต๊อกใหม่เมื่อมีคำสั่งซื้อจากลูกค้า
  • ลดการถือสต๊อกให้น้อยที่สุด
  • เน้นความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จำหน่าย
  • ระบบการส่งมอบที่รวดเร็ว

 

ข้อดีของระบบ JIT:

  • ลดเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้
  • ลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคา
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่
  • ลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา

 

ข้อเสียที่ต้องระวัง:

  • อาจเสียโอกาสขายเมื่อไม่มีสต๊อก
  • ต้องพึ่งพาผู้จำหน่ายมาก
  • ต้องการระบบการสื่อสารที่ดี

 

ระบบจัดการการผ่อนชำระสำหรับร้านทอง

 

ความสำคัญของการขายผ่อนในธุรกิจทอง

เหตุผลที่ร้านทองควรมีระบบการผ่อนชำระ:

  • ทองคำมีราคาสูง ลูกค้าอาจไม่มีเงินสดพอ
  • การผ่อนชำระช่วยเพิ่มยอดขาย
  • สร้างฐานลูกค้าประจำและความภักดี
  • แข่งขันกับร้านทองอื่นได้ดีขึ้น

 

การออกแบบแผนการผ่อนชำระ

แผนการผ่อนที่นิยม:

  • แผน 6 เดือน: ไม่มีดอกเบี้ย เหมาะกับลูกค้าใหม่
  • แผน 12 เดือน: ดอกเบี้ยต่ำ เหมาะกับของมูลค่าปานกลาง
  • แผน 24 เดือน: ดอกเบี้ยสูงขึ้น เหมาะกับของมูลค่าสูง

 

การกำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสม:

  • เงินดาวน์: 20-30% ของมูลค่าสินค้า
  • หลักประกัน: สมุดบัญชี บัตรประชาชน หรือผู้ค้ำประกัน
  • อัตราดอกเบี้ย: 0-15% ต่อปี ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง
  • ค่าปรับผิดนัด: 1-3% ต่อเดือน

 

การจัดการความเสี่ยงในการขายผ่อน

การประเมินลูกค้าก่อนอนุมัติ:

  • ตรวจสอบประวัติการชำระหนี้
  • ประเมินรายได้และความมั่นคงในงาน
  • พิจารณามูลค่าหลักประกัน
  • วิเคราะห์ความจำเป็นในการซื้อ

 

การติดตามการชำระ:

  • ระบบแจ้งเตือนก่อนครบกำหนด 3-5 วัน
  • โทรติดตามเมื่อชำระล่าช้า 1 วัน
  • เยี่ยมบ้านเมื่อค้างชำระเกิน 7 วัน
  • ดำเนินคดีตามกฎหมายเมื่อจำเป็น

 

ข้อกฎหมายและการปฏิบัติตามระเบียบ

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับร้านทอง

พระราชบัญญัติการค้าทองคำ:

  • ใบอนุญาตประกอบกิจการค้าทองคำ
  • การบันทึกการซื้อ-ขายทองคำ
  • การรายงานการซื้อ-ขายให้หน่วยงานราชการ
  • การตรวจสอบทองคำที่ซื้อมา

 

พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน:

  • การตรวจสอบตัวตนของลูกค้า (KYC)
  • การรายงานธุรกรรมต้องสงสัย (STR)
  • การเก็บบันทึกข้อมูลลูกค้า
  • การรายงานธุรกรรมมูลค่าสูง

 

การจัดทำเอกสารและการบันทึกข้อมูล

เอกสารที่ต้องมี:

  • ใบเสร็จรับเงิน - ทุกการซื้อขาย
  • ใบกำกับภาษี - สำหรับลูกค้าที่ต้องการ
  • สมุดบัญชีซื้อ-ขาย - บันทึกรายละเอียดทุกรายการ
  • เอกสารการนำเข้า-ส่งออก - ถ้ามีการนำเข้าทอง
  • ใบรับรองคุณภาพ - สำหรับทองคำที่มีการรับรอง

 

การเก็บรักษาเอกสาร:

  • เก็บไว้อย่างน้อย 5 ปี
  • จัดเก็บให้เป็นระบบและค้นหาได้ง่าย
  • มีสำเนาสำรองเผื่อเอกสารสูญหาย
  • ระบบดิจิทัลควรมีการสำรองข้อมูล

 

แนวทางการพัฒนาธุรกิจร้านทองในอนาคต

 

แนวทางการพัฒนาธุรกิจร้านทองในอนาคต

 

การใช้เทคโนโลจีดิจิทัล

ระบบ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล:

  • พยากรณ์ราคาทองคำในอนาคตอันใกล้
  • วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและแนะนำสินค้า
  • ปรับปรุงการจัดการสต๊อกอัตโนมัติ
  • ตรวจสอบความผิดปกติในการซื้อขาย

 

ระบบออนไลน์และ E-commerce:

  • ขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
  • ระบบสั่งจองและจัดส่งถึงบ้าน
  • การให้คำปรึกษาผ่านวิดีโอคอล
  • ระบบชำระเงินดิจิทัล

 

การขยายธุรกิจและเพิ่มช่องทางรายได้

บริการเสริมที่น่าสนใจ:

  • รับซื้อขายทองคำออนไลน์
  • บริการฝากทองคำ (Gold Storage)
  • คอร์สการลงทุนทองคำ
  • ประกันภัยทองคำ

 

การเป็นตัวแทนจำหน่าย:

  • ตัวแทนโรงกลั่นทองคำใหญ่
  • ตัวแทนแบรนด์เครื่องประดับ
  • ตัวแทนขายทองคำออนไลน์
  • พาร์ทเนอร์ของธนาคารในการขายทองคำ

 


สรุป

 

การบริหารสต๊อกทองคำเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจร้านทอง การมีระบบที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างกำไรอย่างยั่งยืน

 

สำหรับการขายผ่อนชำระ การมีระบบจัดการที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มยอดขายได้อย่างมาก โดยเฉพาะการติดตามการชำระเงินและการประเมินลูกค้า

 

ติดตามเราที่ Kebdee.com เพื่อเรียนรู้เทคนิคการจัดการธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ รวมถึงระบบจัดการการผ่อนชำระที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจที่มีสินค้ามูลค่าสูง เช่น ร้านทอง

 

เพราะเราเชื่อว่า ระบบการจัดการที่ดีคือรากฐานของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ การมีเครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณบริหารธุรกิจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

 

📞 tel:088-983-9386 (คุณพลอย)

💬 Fanpage: โปรแกรมจัดการยอดผ่อนสินค้า

🌐 เว็บไซต์: โปรแกรมจัดการยอดผ่อนสินค้า

📱 Messenger: คลิกเพื่อปรึกษาฟรี

อื่นๆ เพิ่มเติม
blog image

22/09/2568 08:32 น.

ทำไมการเก็บเงินตรงเวลาถึงสำคัญต่อธุรกิจผ่อนสินค้า

เรียนรู้เหตุผลว่าทำไมการเก็บเงินตรงเวลาในธุรกิจผ่อนสินค้าถึงสำคัญ ช่วยให้เงินหมุนเร็ว ลดความเสี่ยงหนี้สูญ และสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและผู้ลงทุน
blog image

22/09/2568 08:32 น.

บอกลาปัญหายอดหนี้ไม่ตรง! 3 วิธีเช็กยอดคงค้างให้เป๊ะ ไม่มีพลาด

เรียนรู้ 3 วิธีเช็กยอดคงค้างลูกหนี้ให้ถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับและฟีเจอร์ช่วยติดตามจากโปรแกรม ‘เก็บดี’ ลดความผิดพลาดและวางแผนเก็บหนี้ได้ง่ายขึ้น
blog image

22/09/2568 08:32 น.

ฟีเจอร์เด็ดที่ไม่เหมือนใคร: “เก็บดี” ช่วยเจ้าหนี้ไม่ต้องจำรายละเอียดลูกหนี้

โปรแกรมเก็บดีช่วยเจ้าหนี้จัดเก็บข้อมูลลูกหนี้ครบทุกมิติ ตั้งแต่ชื่อ ที่อยู่ ลิงก์ Google Map ไปจนถึงเอกสารสำคัญ ช่วยลดความผิดพลาดและติดตามยอดคงค้างได้ทันเวลา
blog image

22/09/2568 08:32 น.

5 สัญญาณที่บอกว่าคุณต้องมีระบบจัดการหนี้ด่วน

เจอปัญหาลูกหนี้เยอะ ติดตามยอดค้างชำระยาก หรือทวงหนี้หลายรอบต่อวัน? นี่คือ 5 สัญญาณที่บอกว่าคุณต้องใช้ ระบบจัดการหนี้ เพื่อช่วยให้การ เก็บหนี้ ของคุณง่ายและแม่นยำขึ้น
blog image

22/09/2568 08:32 น.

โปรแกรมจัดการยอดผ่อนเก็บดี: ช่วยเจ้าหนี้จัดการหนี้ง่ายและสะดวก

เรียนรู้วิธีที่โปรแกรมเก็บดีช่วยเจ้าหนี้กรุงเทพจัดการยอดผ่อนลูกหนี้ได้ครบถ้วน แบ่งหมวดหมู่ชัดเจน และสร้างรายงานสรุปยอดเงินทั้งหมด
ดูทั้งหมด >